วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วัดความแกว่งของราคาอย่างปลอดภัย กับ Williams Percent Range


Williams Percent Range




Williams’ Percent Range Technical Indicator (%R) เป็นเทคนิคที่ใช้ชี้วัดการเคลื่อนที่ของราคา , ซึ่งพิจารณาจากการที่กราฟทำ  overbought/oversold
Williams’ %R มีลักษณะการใช้คล้ายกับ Stochastic Oscillator . จะต่างกันแค่ %R จะกลับทิศทางทันที และ Stochastic Oscillator จะมีการปรับให้ smooth ก่อน
ถ้า Indicator อยู่ระหว่าง -80 %  ถึง  -100 %  ตลาดจะอยู่ในสภาวะ Oversold.
และถ้า Indicator อยู่ระหว่าง 0 %  ถึง   - 20 %  ตลาดจะอยู่ในสภาวะ Overbought.
เมื่อ Indicators อยู่ในโซน overbought/oversold, เพื่อความปลอดภัยที่สุดในการเข้าออร์เดอร์ คือ รอให้ราคาเปลี่ยนทิศทางไปก่อน ตัวอย่างเช่น ถ้า Indicators อยู่ในโซน overbought ,ก็ให้รอราคาปิดเป็นแท่งขาลงก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าออร์เดอร์ Sell เป็นต้น


และอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าสนใจของ the Williams Percent Range indicator ก็คือความสามาถลึกลับที่จะคาดเดาการกลับทิศทางของราคาพื้นฐานได้.โดยส่วนใหญ่แล้ว Indicators จะไปที่จุดสุงสูดและหักหัวกลับประมาณสองวันก่อนที่ราคาจะกลับตัวมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัยเสมอ.ในขณะเดียวกัน, Williams Percent Range มักจะสร้างความคงที่ไปซักระยะนึง หลังจากนั้นจึงหักหัวขึ้นประมาณ 2 วัน ก่อนที่ระคาจะหักหัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัย.

แหล่งที่มา   https://www.mql5.com/en/code/8000
ดาวน์โหลด   https://www.mql5.com/en/code/8000

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำกำไรกับกราฟเทรน ด้วย Alligator Indicator

 

Alligator
ปากจระเข้








ในหลักการพื้นฐานแล้ว  , Alligator Indicator จะใช้เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคโดยการรวมกลุ่มของเส้นสมดุล (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) โดยใช้รูปทรงของ Fractal  และการจัดให้อยู่ในแนวเดียวกัน
Alligator Indicator ประกอบไปด้วย 3 เส้นหลักคือ
-       เส้นน้ำเงิน ( กรามจระเข้ ) คือ เส้นสมดุลสำหรับ Timeframe นั้น ๆ ( โดยใช้ค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่ ย้อนหลัง 13 แท่งราคา และ ค่าเฉลี่ยอ้างอิงในอนาคต 8 แท่งราคา )
-       เส้นสีแดง ( ฟันจระเข้ )  คือ เส้นช้า สำหรับ Timeframe นั้น ๆ ( โดยใช้ค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่ ย้อนหลัง 8 แท่งราคา และ ค่าเฉลี่ยอ้างอิงในอนาคต 5 แท่งราคา )
-       เส้นสีเขียว ( ริมฝีปากจระเข้ )  คือ เส้นช้ามาก สำหรับ Timeframe นั้น ๆ ( โดยใช้ค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่ ย้อนหลัง 5 แท่งราคา และ ค่าเฉลี่ยอ้างอิงในอนาคต 3 แท่งราคา )

เมื่อริมฝีปาก , ฟัน และกราม ของจระเข้ เริ่มมีปฏิกิริยากับช่วงเวลาที่ต่างกันแล้ว . นั้นแสดงให้เห็นว่ากำลังจะมีเทรนที่ชัดเจนเกิดขึ้นเพียง 15 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลานั้น , โดยตามธรรมชาติแล้ว มันจะเป็นไปตามการทำงานของตลาดโดยอาจจะมีความผันผวนเล็กน้อย
เมื่อกรามของจระเข้ , ฟัน และริมฝีปากปิดอยู่ นั่นหมายความว่าจระเข้กลังหลับอยู่ , ซึ่งเมื่อมันหลับนั้น มันก็จะหิว และหิว จากการกลับนาน ๆ สุดท้ายแล้วก็ต้องตื่นขึ้นในที่สุด . และสิ่งแรกที่จะทำเมื่อตื่นขึ้นมา คือ อ้าปาก และ หาว . และเมื่อมันได้กลิ่นองอาหาร ไม่ว่าจะเป็น กระทิงส หรือ หมีสด จระเข้ก็จะล่ามัน. เมื่อได้กินจนเพียงพอและอิ่มแล้ว จระเข้ก็จะเลิกสนใจอาหาร ( เส้นสมดุลจะกลับมารวมตัวกัน ) และตอนนี้คือเวลาที่จะปิดทำกำไร



แหล่งที่มา   https://www.mql5.com/en/code/7803
ดาวน์โหลด  https://www.mql5.com/en/code/7803

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำกำไรตามเทรน ด้วย Fractals


Fractals

ด้วยลักษณะโดยทั่วไปของทุกสกุลเงินในตลาด Forex นั้น มักจะมีการเปลี่ยนแปลงสั้น อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่บ่อยครั้งนัก ที่กราฟจะเกิดเทรน ( ประมาณ 15 30 % )  ซึ่งการเกิดเทรนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำกไรให้ได้มากที่สุดเช่นนั้นแล้ว เราจึงควรหาเครื่องมือ และวิธีการที่จะสามารถจัดการทำกำไรเมื่อกราฟเป็นเทรนA Fractal คือหนึ่งในห้า Indicators ที่คิดค้น โดย Bill Williams , ที่ใช้แสดงจุดสูงสุดและต่ำสุดFractal Indicator เป็นการคำนวณมากจากช่วงเวลา 5 ช่วงเวลาของแท่งราคา1 ชุด มี 5 แท่ง ) ,  โดยถ้าจะหาจุด High  ให้พิจารณาจากแท่งกลางให้เป็น High ที่สุดซึงมี 2 แท่งก่อนหน้าที่อยู่ต่ำกว่าและมีอี 2 แท่งถัดไปที่ต่ำกว่า   ในระหว่าง 5 แท่งนั้น  และต้อง , และถ้าจะหาจุด Low  ให้พิจารณาจากแท่งกลางให้เป็น Low ที่สุดซึงมี 2 แท่งก่อนหน้าที่อยู่สูงกว่าและมีอี 2 แท่งถัดไปที่สูงกว่า   ในระหว่าง 5 แท่งนั้น  . ซึ่ง Fractal จะคำนวณออกมาให้ในรูปแบบลูกศรชี้ขึ้น และ ลูกศรชี้ลง The fractal ต้องการ Alligator เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ โดยใช้พิจารณาว่า

-       อย่า Buy เมื่อ Fractal อยู่ต่ำกว่า Alligators Teeth
-       อย่า Sell  เมื่อ Fractal อยู่สูงกว่า Alligators Teethตราบใดที่ Fractal อยู่นอก Alligators Mouth  สัญญาณของ Fractal นั้นจะยังคงใช้ได้ผล จนกว่าจะมีสัญญาณกลับตัวอื่น หรือมี Fractal ใหม่ เพิ่มเข้ามา



แหล่งที่มา  https://www.mql5.com/en/code/7982

ดาวน์โหลด  https://www.mql5.com/en/code/7982

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เทรดง่าย กำไรงาม ด้วย Volumes


Volumes




เป็นตัวชี้วัดมูลค่าตลาดด้วยแท่ง Histogram โดยการดูจะดูจากสีสองสี

อธิบายเพิ่มเติม
การใช้ประโยชน์จาก Volumes
-          Volumes ช่วยยืนยันเทรนที่แข็งแรง หรือ ช่วยเตือนว่าเมื่อไหร่เทรนกลังจะอ่อนแอลง  Volumes ที่เพิ่มขึ้น จะสามารถบอได้ว่าเทรนนั้นมีความแข็งแกร่ง และเมื่อ Volumes ลดลง  ก็ยังสามารถเป็นสัญญาณเตือนได้ว่าเทรนปัจจุบันกำลังอ่อนแอลง และอาจใกล้ถึงเวลาที่เทรนกำลังเปลี่ยนแปลง
-          Volume ที่สูงพรวดพราด ที่หลังจากที่Volumes ได้เคยอ่อนค่าลงไป จะเป็นสัญญาณเตือนว่าเทรนกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง

Volumes กับ แท่งราคา

Volumes บอกเราได้ถึงการต่อสู้กันของราคา ระหว่าง “ หมี กับ กระทิง ” เพราะเมื่อไหร่ก็ตาม ถ้า Volume มีค่ามากแต่ราคายังเคลื่อนไหว ก็เป็นการส่งสัญญาณที่อันตรายได้  นั่นเป็นการเตือนว่า หมีกับกระทิง กำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง เมื่อได้ผู้ชนะแล้ว ราคาก็จะไปทางนั้น


แหล่งที่มา    https://www.mql5.com/en/code/7996
ดาวน์โหลด  https://www.mql5.com/en/code/7996

วิเคราะห์ทิศทางการแกว่งของตลาดอย่างชัดเจน ด้วย Awesome Oscillator ( AO )

Awesome Oscillator ( AO )



Awesome Oscillator ( AO ) คือตัววัดความแกว่งของทิศทางแรงผลักดันของตลาด โดยการคำนวณค่าจาก เส้น SMA 34 และเส้น SMA 5
โดยเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะตลาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
สัญญาณการเข้า Buy
วีธีที่ 1 สังเกตุ Histogram ( ลักษณะรูปจานรอง )
เมื่อ Histrogram อยู่เหนือเส้นศูนย์ ให้เข้าเฉพาะออร์เดอร์ Buy อย่างเดียว และต้องสังเกตุด้วยว่า :
-       มีสัญญาณการกลับตัวเมื่อ histogram เริ่มเปลี่ยนทิศทางจากจุดต่ำสุดไปจุดสูงสุด โดยแท่งสีแดงแท่งที่สองจะต้องต่ำกว่าแท่งแรก และแท่งที่สามจะต้องเป็นสีเขียวและสูงกว่าแท่งที่สอง
-      ควรจะมีสัญญาณแท่งของ AO Indicator อย่างน้อย 3 แท่ง
พึงระวังไว้ว่า จะต้องให้แท่ง Columns ของ Awesome Oscillator อยู่เหนือเส้นศูนย์เสมอ

วิธีที่ สังเกตุการผ่านเส้นศูนย์
สัญญาณการเข้าออร์เดอร์ Buy จะเกิดขึ้นเมื่อแท่ง Histogram  ได้ผ่านเส้นศูนย์ขึ้นไปอยู่เหนือเส้นศูนย์แล้ว ซึ่งเมื่อแท่ง Histogram ได้ผ่านเส้นศูนย์แล้ว ให้สังเกตสัญญาณดังต่อไปนี้ด้วยว่า
-       จำเป็นต้องให้มี Columns อย่างน้อย 2 Columns
-      Columns แรก จะอยู่ใต้เส้นศูนย์ก็ได้ , แต่แท่งที่สองจำเป็นจำเป็นต้องผ่านเส้นศูนย์มาให้ได้ ( เกิดการเปลี่ยนจากค่าลบให้เป็นค่าบวก )
-      จะไม่มีการเกิดสัญญาณ Buy และ Sell ขึ้นพร้อมกัน

วิธีที่ 3 สังเกตการเกิด  2 ยอด ( ภูเขา 2 ลูก )

เมื่อต้องการเปิดออร์เดอร์ Buy จะต้องให้ Histogram อยู่ใต้เส้นศูนย์
โดยที่:
-       หายอดที่ลดลง ( คือยอดลงต่ำสุด), อยู่ภายใต้เส้นศูนย์และตามด้วยยอดอีกอันอื่น, ซึ่งสูงกว่าก่อนหน้านี้หนึ่ง (จำนวนลบซึ่งน้อยตามค่าสัมบูรณ์, ดังนั้นมันปิดที่ใกล้เส้นศูนย์), มันทำให้เกิดสัญญาณ.
-       Histogram ของทั้งสองยอดต้องอยู่ใต้เส้นศูนย์ หากข้ามเส้นศูนย์ขึ้นไประหว่างยอดเงื่อนไขนี้จะไม่สามารถใช้ได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามก็จะสัญญาณการเข้าออร์เดอร์ Buy  ในอีกวิธีหนึ่งปรากฏขึ้นทันที นั่นคือ การสังเกตุจากการตัดเส้นศูนย์
-      Histogram แท่งใหม่แต่ละแท่งจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ กว่าแท่งก่อนหน้า
-      หากมียอดใหม่ ( ภูเขาลูกใหม่กำลังจะเกิดขึ้น ) โดยที่ Histogram ยังไม่ตัดเส้นศูนย์ขึ้น สามารถเข้าออรืเดอร์ Buy เพิ่มได้

สัญญาณการเข้า Sell

จะตรงกันข้ามกับสัญญาณการเข้า Buy





แหล่งที่มา    https://www.mql5.com/en/code/7813
ดาวน์โหลด  https://www.mql5.com/en/code/7813

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำกำไรง่าย ๆ ด้วย อินดี้บอกเทรน : Parabolic SAR ( Parabolic )



Parabolic SAR 



Parabolic SAR เป็น Technical Indicator พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความเป็นเทรนของสภาวะตลาด  indicator ตัวนี้จะปรากฏในกราฟ การใช้งานจะมีลักษณะคล้ายกับเส้น Moving Average  จะต่างกันตรงที่ Parabolic SAR จะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งที่มากกว่า  Indicator นี้  จะอยู่ใต้แท่งราคา ( เมื่อเป็นสภาวะตลาดกระทิง หรือตลาดขาขึ้น )และอยู่เหนือแท่งราคา ( เมื่อเป็นสภาวะตลาดหมี หรือตลาดขาลง )

เมื่อราคาตัดผ่านเส้น Parabolic SAR Line ( จุดไข่ปลา ) , Indicator จะเกิดการกลับตัว และมูลค่าจะอยู่ในตำแหน่งตรงกันข้ามกับแท่งราคา , เมื่อ Indicator ทำการกลับตัว , ราคาสูงสุดหรือราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่ผ่านมา และเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มกำลังจะสิ้นสุดลง  ( ช่วงที่ราคากำลังทำการปรับฐาน หรือการที่ราคาไม่เคลื่อนไหว ) หรือแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง
Parabolic  SAR ให้สัญญาณการกำหนดจุดออกออร์เดอร์ โดยควรปิดออร์เดอร์ Buy เมื่อแท่งราคาอยู่ตำกว่าจุดไข่ปลา , และควรปิดออร์เดอร์ Sell เมื่อ เมื่อแท่งราคาอยู่เหนือจุดไข่ปลา . บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เมื่อใช้ Indicator นี้ แล้วใช้ Trailing Stop ในการช่วยทำหน้าที่ปิดทำกำไร.
หากเปิดออร์เดอร์ Buy  ( แท่งราคาอยู่เหนือจุดไข่ปลา ) Parabolic SAR จะวิ่งขึ้น โดยไม่คำนึงถึงทิศทางของราคา ซึ่งระยะของการเคลื่อนที่จะขึ้นอยู่กับ Scale การเคลื่อนที่ของแท่งราคา





แหล่งที่มา    https://www.mql5.com/en/code/7892
ดาวน์โหลด   https://www.mql5.com/en/code/7892

ใช้งานง่าย ความแม่นยำสูง ด้วย Average Directional Movement Index (ADX)

Average Directional Movement Index (ADX)



ค่าเฉลี่ยดัชนีเคลื่อนไหวทิศทาง ( ADX )
คำอธิบาย
ADX เป็นตัวช่วยในการบอกสัณญาณทางเทคนิค เป็น Indicator ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของเทรน คิดค้นขึ้นโดย J. Well Wilder ซึ่งได้อธิบายไว้ในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า New Concept in Technical Trading Systems

หลักการง่าย ๆ ของการใช้ อินดีตัวนี้ จะมีจุดให้พิจารณา โดยจะมีเส้น อยู่ 3 เส้น ดังนี้คือ

1. เส้น ADX – เส้นนี้ถ้าชี้ขึ้นเรื่อย ๆ จะบ่งบอกถึง trend ที่แข็งแกร่ง แต่จะเป็น trend ขึ้นหรือลงให้ดูที่ 2 เส้นถัดไปคือ DI+  หรือ DI-
2. เส้น DI+ ถ้าเส้นนี้อยู่สูงกว่า DI- แสดงว่าเป็นแนวโน้มขึ้น และต้องดูเส้น ADX ด้วย โดยให้เส้น ADX ต้องอยู่เหนือ Level 20 25  จึงจะถือว่าเป็นสัญญาณการ Buy ที่ดี
3. เส้น DI- ถ้าเส้นนี้อยู่สูงกว่า DI+ แสดงว่าเป็นแนวโน้มลง และต้องดูเส้น ADX ด้วย โดยให้เส้น ADX ต้องอยู่เหนือ Level 20 25  จึงจะถือว่าเป็นสัญญาณการ Sell ที่ดี



เส้นระดับของ ADX :
ADX ระดับที่ 0 - 25 Range (แนวรับ-แนวต้าน) ปะทะ Trend (แนวโน้ม)
เส้น ADX ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 25  ( 0 25 ) แสดงว่าตลาอยู่ใน สภาวะ Sideway คือตลาด ณ ตอนนี้ ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน แต่เมื่อมันข้ามเส้นระดับ 25 ขึ้นไปราคาจะเริ่มเข้าสู่แนวโน้มถัดไป 

ADX ระดับที่ 25 – สภาวถตลาดแนวโน้ม 
เส้น ADX อยู่เหนือระดับ 25 แสดงว่าตลาดกำลังจะเกิดแนวโน้ม ยิ่ง ADX สูงขึ้น สภาวะตลาดยิ่งมีแนวโน้มที่ชัดเจน และ แข็งแกร่งมาก

ADX ระดับที่ 50 – แนวโน้มแข็งแกร่ง
เส้น ADX ที่อยู่เหนือระดับ 50 จะส่งสัญญาณแนวโน้มความแข็งแกร่งพอประมาณ และความแตกต่างระหว่าง 25 และ 50 ของ ADX ก็มีความสำคัญเช่นกัน อย่างที่เราจะเห็นในรูปด้านล่าง ยิ่ง ADX สูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าราคาจะสามารถเอาชนะแนวรับ หรือแนวต้านได้เมื่อนั้น

ADX ระดับที่ 75 – สุดยอดแห่งแนวโน้ม
เส้น ADX ในระดับ 75 หรือ ที่อยู่เหนือกว่า ซึ่งหาพบได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว แสดงว่าคุณกำลังเจอแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และมีความสำคัญอย่างมาก แนวโน้มที่มาพร้อม ADX ระดับ 75 หรือสูงกว่านั้น เป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าราคาอาจจะทะลุแนวรับ-แนวต้าน ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้



***  ADX เป็น Trend Indicator ที่บอกแนวโน้ม ไม่เหมาะกับการเล่น Sideway ควรเล่นตามเทรนอย่างเดียว


**** ระดับจุดสูงสุด  ( 75 ++ )    หลังจากที่เรา Buy ( DI+ อยู่เหนือ DI- ) และสภาวะตลาดเป็นแนวโน้มขาขึ้นจน ADX ขึ้นไปจุดสูงสุดได้  ให้ทำการ Buy อย่างเดียว หรือเปิดออร์เดอร์ Buy ซ้ำได้อีก อย่างไรก็ดี หาก ADX ไปไม่ถึงจุดสูงสุด แล้วหัวมุมกลับลงมา ให้ทำการพิจารณิปดออร์เดอร์ หรือ พิจารณาว่าสภาวะตลาดกำลังจะเปลี่ยนทิศทางจากขึ้นเป็นขาลง

แหล่งที่มา  https://www.mql5.com/en/code/7955


ดาวน์โหลด   https://www.mql5.com/en/code/7955

Moving Average of Oscillator, OsMA

Moving Average of Oscillator, OsMA 




ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของการแกว่ (OsMA)
หมายถึง ความแตกต่างระหว่างการแกว่งของราคา กับการ


การเปลี่ยนแปลงองราคาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า. (oscillator smoothing) โดยใช้  MACD เป็นหลักในการนำมาใช้ตรวจสอบการแกว่งของราคา และ เส้น Signal นำมาใช้บอกการแกว่งของราคาในรอบนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น  (oscillator smoothing)


แหล่งที่มา  https://www.mql5.com/en/code/7785

ดาวน์โหลด  https://www.mql5.com/en/code/7785

สุดยอดแห่งอินดี้ในตำนาน Indicator Trend : MACD


MACD


MACD ( Moving Average Convergence / Divergence ) 

คือเส้นของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา 2 เส้นโดยที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นที่หนึ่ง ใช้ระยะเวลาในการคำนวณยาวกว่าเส้นค่าเฉลี่ยฯ อีกเส้นหนึ่ง และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้นนี้ โดยมีการใช้กจำนวนวันในการหาค่าเฉลี่ย ซึ่งจำนวนวันี่นำมาหาเฉลี่ยนี้ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ที่นิยมใช้กันทั่วไปสำหรับเส้นระยะสั้นคือ 12 วัน , 15 วัน และสำหรับเส้นระยะยาวคือ, 26 วัน และ 35 มีข้อสังเกตว่า เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวนี้ จะมีระยะเวลายาวนาน กว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นประมาณ 1 เท่า






การคำนวณค่า MACD จึงเป็นการวัดระยะห่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้น เพื่อดูว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้นกำลังเคลื่อนที่ลู่เข้าหากันหรือแยกออกจากกัน

Signal Line หรือ MACD Signal คือ เส้น EMA อีกเส้นนึง ซึ่งจะถูกวางไว้ใช้คู่กันกับเส้น MACD เพื่อหาสัญญานเข้าซื้อขาย


หลักการใช้ MACD 

-   ถ้า MACD ตัด  0 ขึ้น หมายถึงเป็นแนวโน้มขาขึ้น เป็นสัญญาณซื้อ -   ถ้า MACD ตัด  0 ลง  หมายถึงเป็นแนวโน้มขาลง เป็นสัญญาณขาย -   ถ้า MACD ตัด  0 ขึ้น  และตัด Signal ลงมา หมายถึงราคาอาจพักฐานชั่วคราว
-   ถ้า MACD ลง   0 ลง  และตัด Signal ขึ้นไป หมายถึงราคาอาจจะขึ้น ชั่วคราว
การใช้เครื่องมือ MACD เพียงอย่างเดียว มักจะทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้กำไรสูงสุด ดังนั้น จึงควรนำหลักการของ Convergence และ Divergence   มาช่วยประกอบการตัดสินใจ


Indicator Oscillator : Accelerator Oscillator (AC)



Acceleration/Deceleration Oscillator (AC) 




อินดี้ใช้ประเมินการเร่งและการชะลอตัวของแรงขับเคลื่อนในปัจจุบัน โดยจะเป็นสัญญาณเตือนก่อนของการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของราคา 

ซึ่งสัญญาณนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มก่อนเกิดการปรับตัวของแรงขับเคลื่อน และแรงขับเคลื่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มก่อนที่ราคาจะเคลื่อนที่ ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ให้ความได้เปรียบอย่างได้ชัดเจนชัดเจน. 

การอ่านค่า
     เส้นศูนย์                      -      มันเป็นจุดซึ่งแรงขับเคลื่อนจะอยู่ในภาวะสมดุลกับความเร่ง 
     หาก AC อยู่เหนือศูนย์  -      ภาวะขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อ 
     หาก AC อยู่ใต้ศูนย์      -      ภาวะขาลงจะยังคงดำเนินต่อ
ซึ่งการใช้งานจะต่างกับ Аwesome Оscillator, เพราะการตัดกันของเส้นศูนย์ของ AC นี้ไม่ถือว่าเป็นตัวบอกสัญญาณแต่อย่างใด แต่มีไว้เพียงดูว่าถ้า AC indicator อยู่เหนือเส้นศูนย์ก็มีแนวโน้มว่าราคาจะเพิ่มขึ้นและถ้ามันต่ำกว่าเส้นศูนย์ก็มีแนวโน้มที่จะลดลง  ดังนั้นให้ต้องคอยสังเกตุเปลี่ยนแปลงของสี เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดเยอะ, 

เพียงแค่จำไว้ว่า: ไม่ควรเข้าซื้อโดยใช้เครื่องมือ AC เมื่อ column ปัจจุบันเป็นสีแดง และ ไม่ขายเมื่อมันเป็นสีเขียว หากคุณเข้าซื้อขายในตลาดตามทิศทางของ AC  (Acceleration/Deceleration indicator อยู่เหนือศูนย์เมื่อซื้อ และต่ำกว่าศูนย์เมื่อขาย), 

เมื่อจะทำการเข้าซื้อจำเป็นต้องรอให้มีสีเขียวสอง columns ก่อนเพื่อเป็นการ Confirm สัญญาณ (สีแดงสอง columns - ให้ขาย) หาก AC ตรงข้ามกับสถานะเปิด (indicator ต่ำกว่าศูนย์เมื่อซื้อ, สูงกว่าศูนย์เมื่อขาย), จำเป็นต้องมีการยืนยันสีของ AC เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง column เพิ่มขึ้น คือ indicator จำเป็นต้องแสดงสีแดงสาม columns เมื่อทำการ Sell โดย AC อยู่เหนือเส้นศูนย์ และแสดงสีเขียวสาม columns เมื่อทำการ Sell โดย AC อยู่ใต้เส้นศูนย์

การเข้าออร์เดอร์

แหล่งที่มา  https://www.mql5.com/en/code/7765

ดาวน์โหลด   https://www.mql5.com/en/code/7765